‘ไครเมีย’นองเลือดทหารยูเครนถูกยิงดับ

‘ไครเมีย’ นองเลือด มีผู้เสียชีวิตรายแรก หลังเพิ่งลงนามผนวกดินแดนกับรัสเซีย

19 มี.ค. 57 สถานการณ์ในไครเมียร้อนระอุ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังรัสเซียและไครเมียที่แยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน ลงนามในสนธิสัญญาผนวกรวมดินแดนกัน ท่ามกลางการประท้วงของยูเครน ที่มองว่าเป็นการปล้นดินแดนของชาติอื่น

คาบสมุทรไครเมีย ดินแดนที่เคยเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองในยูเครน แต่ลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชเมื่อวันอาทิตย์ เกิดการนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตเป็นรายแรกนับจากทหารรัสเซียเข้าควบคุมดินแดนนี้เมื่อสามสัปดาห์ที่แล้ว โดยทหารยูเครนถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย โดยกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่สวมหน้ากากบุกโจมตีค่ายทหารยูเครนในเมืองซิมฟิโรโพล เมืองเอกของไครเมีย หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยาเซนยุค ประกาศว่า ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ขณะนี้ได้ปรับขึ้นจากระดับการเมืองสู่ระดับทหารแล้ว และกระทรวงกลาโหมยูเครนอนุญาตให้ทหารใช้อาวุธเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองได้

สถานการณ์ตึงเครียดในไครเมียเขม็งเกลียวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และนายกรัฐมนตรี เซอร์เก อัคซิโยนอฟ ของไครเมีย ร่วมลงนามในสนธิสัญญาผนวกรวมดินแดนไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ที่กรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อวันอังคาร เพียงหนึ่งวันหลังจากรัสเซียรับรองไครเมียเป็นรัฐเอกราช และเขาประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภาว่าไครเมียเคยเป็นและยังคงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่แยกจากรัสเซียไม่ได้ หลังจากนั้นรัฐสภารัสเซียจะลงมติให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาเป็นขั้นตอนต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ต่อจากนั้นประธานาธิบดีปูติน กล่าวปราศรัยบนเวทีในบริเวณจตุรัสแดงใกล้ทำเนียบเครมลิน ที่มีฝูงชนรวมตัวราว 120,000 คน โดยประกาศว่า ไครเมียได้กลับสู่บ้านเกิดแล้ว พร้อมกับบอกว่า ตอนที่อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตกยกไครเมียให้กับยูเครนเพื่อเป็นของขวัญเมื่อปี 2497 เป็นการปล้นดินแดน พร้อมกันนี้เขาอ้างว่า ชาวไครเมียร้องขอให้รัสเซียปกป้องสิทธิ์และชีวิตของเขาพวกเขารัสเซียจึงไม่อาจหันหลังให้ได้ และกล่าวหาว่าชาติตะวันตกทำตัวล้ำเส้นที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในยูเครน โดยไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่าไครเมียเป็นดินแดนที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายรัสเซีย นอกจากนี้ผู้นำรัสเซีย ยังกล่าวโทษว่าพวกชาตินิยมในยูเครนเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติจนเกิดการแบ่งแยกประเทศ แต่เขายืนยันว่ารัสเซียต้องการอยู่ร่วมกับยูเครนอย่างสันติ และไม่ต้องการยึดพื้นที่อื่นๆ จากยูเครน

ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน เปรียบเทียบว่า ประธานาธิบดีปูติน กำลังทำตัวเหมือนพวกลัทธิชาตินิยมฟาสซิสต์ในเยอรมนี ที่รุกรานยึดดินแดนชาติอื่นจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง และนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยาเซนยุค บอกด้วยว่า การกระทำของรัสเซียเป็นการปล้นดินแดนของชาติอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นเรื่องยากที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น

นอกจากนี้นานาชาติร่วมประณามรัสเซีย โดยรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐบอกว่า การผนวกดินแดนไครเมียเป็นการขโมยดินแดนชัดๆ และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐบอกด้วยว่า การผนวกดินแดนครั้งนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากสหรัฐและประชาคมโลก ส่วนนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ บอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ที่รัสเซียใช้กำลังทหารเปลี่ยนแปลงพรมแดนผ่านการลงประชามติที่จัดขึ้นภายใต้กระบอกปืน

ล่าสุดทั้งอังกฤษและแคนาดาประกาศเมื่อวานระงับความร่วมมือทางทหารกับรัสเซียแล้ว เพียงหนึ่งวันหลังจากสหรัฐและสหภาพยุโรปประกาศระงับวีซ่าและอายัดทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งรัสเซียและยูเครน