สำนักข่าวเอ็นบีซี รายงานว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมจารกรรมแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินโบอิง737-800 ของยูเครนที่ตกในอิหร่าน หลังจากบินขึ้นได้ไม่นาน มีสาเหตุจากการถูกยิงโดยขีปนาวุธของอิหร่าน
เอ็นบีซี รายงานว่า ภาพถ่ายที่มีการเผยแพร่ในสื่อได้แสดงให้เห็นถึงชิ้นส่วนของขีปนาวุธ Tor M-1 ที่มีการพบเห็นในชานเมืองของกรุงเตหะราน นอกจากนี้ เครื่องบินโบอิงลำดังกล่าวไม่ใช่รุ่น 737 แม็กซ์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามบิน เนื่องจากที่เคยประสบอุบัติเหตุตกลง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่เป็นรุ่นก่อน 737 แม็กซ์ ขณะที่โบอิงส่งมอบเครื่องบินลำดังกล่าวในสภาพเครื่องบินใหม่แก่สายการบินยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ (ยูไอเอ) ตั้งแต่ปี 2559 และควบคุมการบินโดยนักบินที่มีประสบการณ์ 3 ราย ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่าเครื่องบินยูเครนที่ตกลงในอิหร่านเกิดจากปัญหาทางด้านเครื่องยนต์ แต่อาจเกิดจากการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธพลาดไปถูกเครื่องบิน “เครื่องบินกำลังบินในสภาวะแวดล้อมที่ค่อนข้างอันตราย ซึ่งบางคนอาจทำผิดพลาด” ปธน.ทรัมป์ กล่าว
ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูไอเอ ประสบอุบัติเหตุตกใกล้กับสนามบินอิหม่ามโคไมนี กรุงเตหะรานของอิหร่าน ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด176 คน หลังจากที่กองทัพอิหร่านเปิดปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเพียงไม่นาน
อย่างไรก็ดี นายโมฮัมหมัด เอสลามี รัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาเมืองและถนนของอิหร่าน กล่าวว่า การที่เครื่องบินยูเครนตกลงในกรุงเตหะรานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรัก “มีข่าวลือว่า การโจมตีของผู้ก่อการร้าย, การระเบิด และการยิงขีปนาวุธโดนเครื่องบิน อาจเป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินของยูเครนตกลง แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากปัญหาทางเทคนิค ถ้าเครื่องบินตกเพราะถูกยิงด้วยขีปนาวุธ เครื่องบินก็จะต้องระเบิดกลางอากาศ แต่ไม่ได้เป็นแบบนั้น โดยเครื่องบินเกิดเพลิงไหม้เนื่องจากมีปัญหาทางด้านเทคนิค ซึ่งทำให้ระบบสื่อสารและระบบควบคุมหยุดทำงาน ส่งผลให้เครื่องบินตกลงในที่สุด” นายเอสลามี กล่าว
นอกจากนี้ นายเอสลามียังยืนยันว่า อิหร่านจะไม่ส่งมอบกล่องดำให้แก่บริษัทโบอิง หรือประเทศใดๆก็ตาม แต่ผู้เชี่ยวชาญของโบอิงจะต้องเดินทางมายังอิหร่านเพื่อทำการกู้ข้อมูลในกล่องดำ