ความจริงชาวรัสเซียและชาวยูเครนก็คือชาวสลาฟตะวันออกด้วยกันแท้ๆ (ชาวสลาฟแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1. ชาวสลาฟตะวันตก คือประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศโปแลนด์, เช็ค, สโลวัก, และในรัฐแซกโซนีและรัฐแบรนเดนเบอร์กของเยอรมนี 2. ชาวสลาฟตะวันออก คือประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศเบลารุส, ยูเครน และรัสเซีย 3. ชาวสลาฟใต้ คือประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศบัลแกเรีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, สโลวีเนีย, โครเอเชีย, มาซิโดเนีย)
จากประวัติศาสตร์รัสเซียนั้นถือว่าเดิมทีตั้งแต่ตอนต้นของประวัติศาสตร์รัสเซียเริ่มขึ้นที่แคว้นยูเครนโดยมีเมืองหลวงชื่อ “เคียฟ” (ปัจจุบันเคียฟก็คือเมืองหลวงของยูเครน) ส่วนแคว้นมอสโกนั้นเกิดขึ้นทีหลังและเมื่อรัสเซียตกเป็นเมืองขึ้นของพวกมองโกลร่วม 200 ปี ทางแคว้นมอสโกจึงเป็นผู้นำชาวรัสเซียปลดแอกจากมองโกลได้สำเร็จ ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็เหมือนไทยกับลาวนั่นแหละครับ
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีต้นตอมาตั้งแต่สมัยที่ยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตที่มีรัสเซียเป็นผู้นำ ทำให้ประชากรในฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้ ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ และมีรายได้หลักมาจากภาคอุตสาหกรรม ส่วนฝั่งตะวันตกใช้ภาษายูเครนและมีรายได้มาจากภาคเกษตรกรรม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
ขณะที่รัฐบาลยูเครนก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างกลุ่มฝักใฝ่สหภาพยุโรปและองค์การนาโต กับกลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ไม่ราบรื่นและมีความไม่ลงรอยกันเสมอมา จนกระทั่งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2556 ได้เกิดความขัดแย้งรุนแรง โดยกลุ่มฝักใฝ่รัสเซียในยูเครนก่อเหตุประท้วงอย่างหนักเป็นเวลานานหลายเดือนจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนยูเครนยอมให้เขตการปกครองตนเองไครเมียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นการแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครนในเวลาต่อมา และเป็นที่มาของเหตุรุนแรงในเมืองลูฮานสค์และเมืองโดเนตสค์ ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนออกจากยูเครนเช่นกัน โดยรัสเซียถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซียต้องการแบ่งแยกยูเครนภาคตะวันออกออกไปตั้งประเทศใหม่หรือรวมกับรัสเซีย ดังนั้นรัสเซียจึงถูกคว่ำบาตรจากทั้งสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ กองทัพเรือรัสเซียใช้กำลังเข้าโจมตีและยึดเรือรบ 3 ลำของกองทัพเรือยูเครน โดยประธานาธิบดีปูตินกล่าวชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียดว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายยูเครนเป็นผู้พยายามสร้างขึ้นเองเพื่อเป็นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า ในช่วงเกิดเหตุนั้นเรือรบ 2 ลำ พร้อมเรือลากจูงจู่โจมของกองทัพเรือยูเครนแล่นฝ่าน่านน้ำเข้ามาในน่านน้ำรัสเซีย และไม่ยอมตอบรับหรือปฏิบัติตามคำสั่งของเรือลาดตระเวนของรัสเซีย
ในขณะที่ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชงโก ผู้นำยูเครน ขู่จะเปิดฉากสงครามเต็มอัตราศึกกับรัสเซีย พร้อมประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วัน เพื่อยกระดับความพร้อมกองทัพ นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้ทางการเยอรมนี และองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ส่งเรือรบมาอารักขาน่านน้ำของยูเครนจากความก้าวร้าวของรัสเซีย
ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ขู่จะยกเลิกการหารือทวิภาคีนอกรอบกับผู้นำรัสเซียในการประชุมจี 20 ที่กรุงบูเอโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา และก็ได้ทำตามคำขู่นั้นจริงๆ แต่ทางประธานาธิบดีปูตินกลับไม่ได้แสดงท่าทียินดียินร้ายอะไรนักกับการหารือทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐอเมริกากับตนเอง
สำหรับทะเลอาซอฟนั้นเป็นเป็นทะเลที่ตื้นที่สุดในโลก เชื่อมต่อช่องแคบเคียร์ชซึ่งอยู่ในความควบคุมของรัสเซียสู่ทะเลดำทางตอนใต้ บริเวณของทะเลทางตอนเหนือติดกับประเทศยูเครน และติดกับประเทศรัสเซียทางตะวันออก และทางตะวันตกติดกับแหลมไครเมีย และแม่น้ำดอนก็ไหลลงทะเลอาซอฟด้วย